ส่วนประกอบในน้ำยางที่ไม่ใช่เนื้อยาง
ส่วนที่เป็นน้ำหรือเซรุ่ม
มี อยู่ในน้ำยางสดประมาณ 55 % ความหนาแน่นประมาณ 1.02 กรัมต่อมิลลิลิตร ประกอบด้วยสารในกลุ่มต่าง ๆ แยกเป็น 3 กลุ่มด้วยกันดังนี้
กลุ่มคาร์โบไฮเดรต
เป็น สารพวกแป้งและน้ำตาลมีอยู่ในน้ำยางประมาณ 1 % น้ำตาลที่มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นชนิดคิวบราซิทอล ( Quebrachitol )และมีน้ำตาลชนิด กลูโคส ซูโคส ฟรุกโตส ปริมาณเล็กน้อย ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้จะถูกแบคทีเรียที่มีอยู่ในน้ำยางใช้เป็นอาหาร ทำให้เกิดปฎิกริยาการย่อยสลายตัวให้กรดที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก มีผลให้น้ำยางเกิดสูญเสียสภาพและรวมตัวกันเป็นก้อน กรดที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นกรดที่ระเหยได้ง่าย
กลุ่มโปรตีนและกรดอะมิโน
ในชั้นน้ำนี้มีโปรตีนอยู่หลายชนิด ชนิดหลักที่พบคือ Alpha globulin กับ Hevein รวมอยู่กับสารในกลุ่มของพอลิเปปไทด์และกรดอะมิโน
- Alpha globulin เป็นโปรตีนที่มี ผิวว่องไว มีมวลโมเลกุลประมาณ 2×105 daltons ดูดซับได้ง่ายระหว่างชั้นของอากาศและของเหลว และระหว่างชั้นของน้ำมันกับน้ำ โปรตีนชนิดนี้ไม่ละลายในน้ำกลั่น แต่ละลายในเกลือที่เป็นกลางและละลายในสารละลายกรดและด่าง มีจุดไอโซอิเลคติคที่ pH 4.8 ใกล้เคียงกับอนุภาคยาง น้ำยางสดจะเสียสภาพการเป็นคอลลอยด์ที่ pH ซึ่ง Alpha globulin ละลายได้น้อยที่สุดในตัวกลางน้ำ ความคล้ายกันระหว่างจุดไอโซอิเลคติคของโปรตีนชนิดนี้ที่ละลาย กับอนุภาคยาง และความคล้ายกันระหว่างสภาพคอลลอยด์ของสารทั้งสอง ทำให้เชื่อว่าโปรตีนชนิดนี้เป็นโปรตีนสำคัญที่อยู่ที่ชั้นโปรตีนบนผิว ของอนุภาคยาง
- Hevein เป็นโปรตีนที่มีจุดไอโซอิเลคติคที่ pH 4.5 ประกอบด้วยกำมะถันประมาณ 5 % ดังนั้นเมื่อน้ำยางสูญเสียสภาพ โปรตีนชนิดนี้จะสลายตัวให้สารประกอบไฮโดรเจนซัลไฟด์ และสารเมอร์แคปแทน ทำให้มีกลิ่นเหม็น โปรตีนชนิดนี้มีผิวที่ว่องไวเล็กน้อย ละลายในน้ำได้ทุก pH ไม่ตกตะกอนในน้ำเดือด และไม่มีผลต่อสภาพคอลลอยด์ของน้ำยาง
- พอลิเปปไทด์และกรดอะมิโน พบในส่วนของน้ำในน้ำยางสด ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า พอลิเปปไทด์และกรดอะมิโน เป็นตัวเริ่มต้นในการเกิดอนุภาคยาง หรืออาจมาจากการสลายตัวของโปรตีนในน้ำยาง
ส่วนของสารอื่น ๆ ในส่วนของน้ำ
ประกอบด้วยสารประกอบชนิดต่าง ๆ หลายชนิดด้วยกัน เช่น
- ด่างที่มีไนโตรเจนอิสระ เช่น choline และ methylamine
- กรดอินทรีย์
- Inorganics anion ( Phosphate และ Carbonate )
- โลหะอิออน ( Potassium , Magnesium , Iron , Sodium และ Copper )
- Thiols
- เอนไซม์
ส่วนของลูทอยด์ (Lutoids) และสารอื่นๆ
มี สารโพลีฟีนอลอ๊อกซิเดส ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ยางมีสีเหลือง หรือสีคล้ำ ( เมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ ) ในส่วนนี้จะประกอบไปด้วย
ลูทอยด์ (Lutoids)
เป็น อนุภาคค่อนข้างกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 – 3.0 ไมโครเมตร ห่อหุ้มด้วยเยื่อบาง ๆ ชั้นเดียว ภายในเยื่อบาง ๆ มีทั้งสารละลายและสารที่แขวนลอย ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตีน สามารถเกิดการออสโมซิส ( Osmosis ) ได้ง่าย ดังนั้นการเติมน้ำลงในน้ำยางสด จะทำให้ลูทอยด์บวมและแตกง่าย ขณะที่ลูทอยด์เกิดการพองตัว จะทำให้น้ำยางมีความหนืดเพิ่มขึ้น และเมื่อลูทอยด์แตกความหนืดก็จะลดลง
ในสภาพอากาศร้อน อุณหภูมิที่สูงขึ้นมีผลให้ลูทอยด์แตกได้เช่นกัน ทำให้ของเหลวภายในที่มีประจุบวก และอิออนของโลหะ เช่น แคลเซียมอิออน และ แมกนีเซียมอิออน จะปะปนรวมกันอยู่ในเซรุ่ม ทำให้อนุภาคยางเกิดการรวมตัวกันก่อให้เกิดการอุดตันของท่อน้ำยาง มีผลทำให้น้ำยางหยุดไหลหลังกรีด
หากเติมแอมโมเนียลงไปในน้ำยางสด จะพบว่าลูทอยด์ และสารพวกโลหะแมกนีเซียม จะรวมตัวกับแอมโมเนีย เกิดการตกตะกอนเป็นตมสีน้ำตาลและสีม่วง ซึ่งแยกตัวออกจากเนื้อยาง และเกาะรวมกันอยู่ด้านล่างสามารถแยกออกได้ ดังสมการเคมี ด้านล่าง
อนุภาคเฟรย์ – วิสลิ่ง (Frey wyssling) เป็นสารที่ไม่ใช่ยางมีปริมาณไม่มากนัก แต่มีขนาดอนุภาคใหญ่กว่ายาง มีความหนาแน่นน้อยกว่า รูปร่างค่อนข้างกลม มีผนังล้อมรอบสองชั้น ประกอบด้วยสารเม็ดสีพวกคาโรตินอยด์ ซึ่งทำให้ยางมีสีเข้ม สามารถรวมตัวกับแอมโมเนียและแยกตัวออกจากยางมาอยู่ในส่วนของเซรุ่ม