ผลเสียของสารสเตบิไลเซอร์ที่มากเกินไป
การเติมสารสเตบิไลเซอร์ลงไปในน้ำยางมากหรือน้อยเกินไป จะส่งผลกระทบทั้งสองด้านต่อน้ำยาง ในกรณีที่เติมสาร สเตบิไลเซอร์ลงไปน้ำยางในปริมาณที่น้อยเกินไป จะทำให้น้ำยางสูญเสียสภาพได้ง่าย แต่ในกรณีที่เติมสารสเตบิไลเซอร์ ลงไปในน้ำยางมากเกินไป ผลกระทบที่เกิดกับน้ำยางจะมองเห็นไม่ชัด และยากต่อการตรวจสอบปริมาณแท้จริงที่เติมลงไป แต่เมื่อนำน้ำยางนั้นมาใช้ทำผลิตภัณฑ์ สารสเตบิไลเซอร์ส่วนเกินที่มีอยู่ในน้ำยาง จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิต และตัวผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ ดังนี้
- น้ำยางที่เสถียรมาก ทำให้การจับตัวของยางเกิดได้ไม่ดีในขั้นตอนการผลิต เช่น ถ้าทำฟองน้ำ ฟองน้ำอาจยุบได้ ในกรณีนี้ อาจจะแก้ไขโดยใช้สเตบิไลเซอร์ชนิดแคทอิออนใส่ลงไป เพื่อลดความเสถียรของน้ำยางลง
- สารสเตบิไลเซอร์มักจะเป็นสารเคลือบผิว (Surfactant) ด้วย ซึ่งกรณีนี้อาจจะทำให้น้ำยางมีความตึงผิวต่ำลง อาจจะเป็นปัญหากับการผลิตผลิตภัณฑ์การจุ่ม เช่น ถุงมือ เมื่อความตึงผิวของน้ำยางต่ำ ถุงมือจะเกิดพังผืดที่บริเวณง่ามนิ้ว และเมื่อพังผืดแตก จะเกิดรอยเส้นบาง ๆ ระหว่างนิ้ว
- น้ำยางที่มีสารสเตบิไลเซอร์มากเกินไป เมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตที่มีการหมุนเวียน หรือถ่ายเทน้ำยาง จะทำให้เกิดฟองอากาศในน้ำยางได้ง่าย และเกิดขึ้นได้มาก ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีรอยตำหนิ เช่น จะให้ตำหนิเป็นรอยรั่ว (pin hole)
- ในการผลิตชิ้นงานจากน้ำยางแบบจุ่ม ที่มีสารสเตบิไลเซอร์มากเกินไป น้ำยางที่เคลือบแบบพิมพ์จะไหลง่าย ทำให้เคลือบแบบพิมพ์ได้ไม่สม่ำเสมอ ชิ้นงานที่ได้จะมีความหนาบางไม่เท่ากัน
- สารสเตบิไลเซอร์ที่เกาะอยู่ที่ผิวอนุภาคยางมากเกินไป ทำให้ความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์ทั้งก่อนและหลังการทำวัลคาไนซ์ต่ำลง และผลิตภัณฑ์จะดูดความชื้นมาก ดูคล้าย ๆ กับผิวไม่แห้ง ดังนั้นจำเป็นต้องล้างสารสเตบิไลเซอร์ออก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ยางมีความแข็งแรงสูงขึ้น และผิวดูเปียกน้อย