การเสียความเสถียรของน้ำยางทางกายภาพ
น้ำยางมีสภาพเป็นคอลลอยด์หรือสารแขวนลอยของอนุภาคยางในตัวกลางที่เป็น น้ำ อนุภาคยางจะเคลื่อนไหวไปมาอย่างอิสระ ความไม่เสถียรของน้ำยางจะเกิดขึ้น ถ้าอนุภาคยางที่แขวนลอยอยู่นั้นมีความถี่หรือความรุนแรงของการชนกันเพิ่ม ขึ้น
การเสียความเสถียรทางกายภาพ สามารถแบ่งย่อยออกเป็น 4 สาเหตุด้วยกัน ดังนี้
1. การเสียสภาพเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
การ เสียเสถียรภาพของน้ำยางจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิสามารถเกิดขึ้นได้ทั้ง 2 ทาง คือ การเพิ่มอุณหภูมิ ( ความร้อน ) และการลดอุณหภูมิ ( ความเย็น )
- การเสียสภาพโดยความร้อน ( การเพิ่มอุณหภูมิ ) เป็นการให้พลังงานจลน์แก่อนุภาคยาง ทำให้เม็ดยางมีพลังงานจลน์ที่จะเคลื่อนไหวด้วยความถี่และความรุนแรงเพิ่ม ขึ้น จนกระทั่งอนุภาคยางมีโอกาสเข้าใกล้กันหรือจะชนกันสูงขึ้น จนถึงจุดที่สามารถชนะแรงผลักของประจุที่มีอยู่ระหว่างอนุภาค จนทำให้น้ำยางเสียสภาพได้ในที่สุด น้ำยางบางประเภท โดยเฉพาะที่ใส่ non – ionic stabilizer จะสูญเสีย Stabilizer โดยการตก ตะกอนออกไป ทำให้น้ำยางเสียสภาพได้เช่นกัน
- การเสียสภาพโดยความเย็น ( การลดอุณหภูมิ ) โดยปกติการลดลงของอุณหภูมิ มีผลทำให้ความเสถียรของยางดีขึ้น เช่น ในกระบวนการผลิตถุงมือยาง จะมีการรักษาอุณหภูมิของน้ำยางไว้ประมาณ 25 องศาเซลเซียส เป็นต้น แต่ถ้าลดอุณหภูมิของน้ำยางลง จนถึงระดับที่ตัวกลางคือ น้ำ เกิดการเยือกแข็ง ( Aqueous phase begin to freeze ) ความเสถียรของน้ำยางจะลดลงอย่างรวดเร็ว จนน้ำยางเกิดการสูญเสียสภาพ การเสียสภาพจากความเย็น เป็นผลเนื่องจากผลึกน้ำแข็งที่เกิดขึ้นในส่วนของน้ำ อันเนื่องมาจากการลดลงของอุณหภูมิส่งผลให้ปริมาตรของผลึกน้ำแข็งในน้ำยาง เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้น ดันให้อนุภาคเม็ดยางเข้ามาหากัน และอยู่ใกล้กันมากขึ้น จนกระทั่งสัมผัสและจับตัวเป็นก้อนได้
2. การเสียสภาพโดยทางกล
การ เสียเสถียรภาพของน้ำยางที่มีสาเหตุจากทางกลจะเห็นได้ชัดจากการทดสอบค่า MST ของน้ำยาง น้ำยางที่มีค่า MST ต่ำ จะเป็นก้อนได้ง่ายถ้ามีแรงเฉือน เช่น การปั๊มน้ำยาง เป็นต้น เนื่องจาก MST ของน้ำยางมีความสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณสบู่ที่ห่อหุ้มอนุภาคเม็ดยาง นอกจากนี้การกวนที่ก่อให้เกิดแรงเฉือน ซึ่งจะเร่งให้อนุภาควิ่งเข้าหากันได้ด้วยความเร็ว หรือโมเมนตัมสูงขึ้น ก็จะทำให้น้ำยางเสียเสถียรภาพได้เร็วขึ้น
3. การเสียสภาพจากการระเหย
การ ระเหยไม่ทำให้เกิดการเสียเสถียรภาพของน้ำยางโดยตรง แต่เป็นการบังคับให้อนุภาคเม็ดยางเข้าใกล้กัน ทำให้ความถี่ของการชนกันระหว่างอนุภาคมีมากชึ้น จนทำให้น้ำยางเสียสภาพ จับตัวได้ เมื่อน้ำยางถูกเก็บรักษาด้วยสารที่ระเหย ได้ เช่น แอมโมเนีย การระเหยของน้ำออกไปจากผิวหน้ายาง ทำให้ที่ผิวหน้าของน้ำยาง ( Surface skinning ) เกิดเป็นฝ้าได้ โดยปกติสามารถใช้ประโยชน์จากการเสียสภาพในลักษณะนี้โดยใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ยางบาง ๆ เช่น การผลิตถุงยางอนามัย เป็นต้น
4. การเสียสภาพโดย Gulvanic Effect
เกิด จากอิทธิพลของไฟฟ้า เนื่องจากการมีประจุลบ อยู่รอบ ๆ ผิวของอนุภาคยาง ดังนั้นเมื่อนำโลหะต่างชนิดกันมาวางให้สัมผัสกัน แล้วให้สารละลายที่มีประจุ ไหลผ่านโลหะทั้งสองที่วางต่อกัน จะก่อให้เกิดมีไฟฟ้าแล่นผ่านโลหะทั้งสอง ( หรือมีอิเลคตรอน ) แล่นผ่านโลหะทั้งสอง ปรากฎการณ์นี้เรียกว่า “ Gulvanic effect “
การ มีกระแสไฟฟ้าวิ่ง ทำให้อนุภาคยางในน้ำยางซึ่งมีผิวที่เป็นประจุลบ ก็จะเข้าสู่ขั้วบวกด้วย ส่งผลให้อนุภาคเม็ดยางจะไปอออยู่ในส่วนของขั้วบวก เช่น ถ้าท่อโลหะขนถ่ายน้ำยางท่อหนึ่งเป็นท่อเหล็กธรรมดา ส่วนอีกท่อหนึ่งเป็นเหล็กอาบสังกะสี จะพบว่า ภายในท่อเหล็กที่อาบสังกะสีนั้น จะเกิดการอุดตันเพราะอนุภาคยางจะไปเกาะที่ผิว