ปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ผลิต และส่งออกยางพารามากที่สุดในโลก  เป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้ประเทศ และมีบทบาทต่อชีวิตของเกษตรกรไทยนับล้านครอบครัว  มีจุดเริ่มต้นจากทางภาคใต้ของประเทศ  ในสมัยที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี  (คอซิมบี๊  ณ ระนอง)  ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรัง  ได้ทดลองนำยางพาราเข้ามาปลูกในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2442 – 2444   หลังจากนั้น  พระสถลสถานพิทักษ์  ( คออยู่เกี๊ยด  ณ ระนอง )  ได้นำเมล็ดยางกลับมาจากอินโดนีเซีย  มาเพาะพันธ์และขยายจนมีพื้นทีปลูกประมาณ  45  ไร่  จึงนับเป็นสวนยางแห่งแรกของประเทศไทย

หลังจากมีการสร้างสวนยางขึ้นมา แล้ว  ทางพระยารัษฎานุประดิษฐ์  ได้เร่งสอนวิธีปลูกยาง ทำสวนยาง และแจกจ่ายเมล็ดพันธ์ยาง  ผ่านนายอำเภอ  กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  ไปยังชาวบ้านในจังหวัดตรัง  จนเป็นที่รู้จักกันในนาม  “ต้นยางเทศา

rubber_area

หลัก ไมล์แรกของยางพาราใน ประเทศไทย เริ่มต้นเมื่อปี  พ.ศ.2442  และในช่วงเวลาร้อยกว่าปีที่ผ่านมา  เส้นทางของยางพาราในประเทศไทยได้ก้าวหน้าไปตามลำดับ ดังนี้

first rubber tree thailand

พ.ศ.2451  หลวงราชไมตรี  (ปูม  ปุณศรี)  ได้เริ่มนำพันธ์ยางไปปลูกทางภาคตะวันออกของประเทศไทย  โดยเริ่มที่จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดแรก  จนแพร่หลายไปทั่วภาคตะวันออก

พ.ศ.2490  ในช่วงสงครามโลกครั้งที่  2  และหลังสงครามโลก  ราคายางพุ่งขึ้นสูงมาก  จนสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับชาวสวนยางมากมาย  ในยุคนี้เรียกกันว่าเป็น  “ยุคตื่นยาง“  ของประเทศไทย

พ.ศ.2503  มีการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง  (สกย. : ORRAF)  ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เมื่อวันที่  5  ธันวาคม  2503  โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางให้มีรายได้เพิ่มขึ้นโดยการปลูกแทนยางเก่า ที่ให้ผลผลิตน้อย  ด้วยยางพันธ์ดี หรือไม้ยืนต้นอื่นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ

พ.ศ.2521 เริ่มมีการนำยางไปทดลองปลูกในพื้นที่ใหม่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เช่น  จังหวัดหนองคาย  จังหวัดบุรีรัมย์  จังหวัดสุรินทร์

พ.ศ.2533  ประเทศไทยมีผลผลิตยางพาราแซงหน้าอินโดนีเซีย  ขึ้นไปเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติลำดับที่  2  ของโลก รองจากประเทศมาเลเซีย

พ.ศ.2534  ประเทศไทยมีผลผลิตยางธรรมชาติเป็นลำดับที่  1  ของโลกแทนมาเลเซีย  โดยมีอินโดนีเซีย เป็นลำดับที่  3

พ.ศ.2545  พื้นที่ปลูกยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ  400,000  ไร่

พ.ศ.2546  เมื่อวันที่  16  พฤษภาคม  คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จัดทำโครงการปลูกยางเพื่อยกระดับรายได้และความมั่นคงให้เกษตรกรในแหล่งปลูก ยางใหม่ระยะที่  1  (ปี พ.ศ. 2547 – 2549)  มีเป้าหมาย  1  ล้านไร่

 

จาก จุดเริ่มต้น ที่ต้นยางเทศาของพระยารัษฎานุประดิษฐ์  จนถึงปัจจุบัน มีประชากรในประเทศไทยเป็นผู้ดำรงชีพในอุตสาหกรรมยาง  ตั้งแต่ชาวสวนยาง  ผู้ประกอบการซื้อขายยาง  โรงงานผลิตต่าง ๆ เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 15 %  ของประชากรในประเทศ เป็นสินค้าส่งออกที่นำเงินเข้าประเทศปีละหลายแสนล้านบาท  ดังนั้น ทางคณะรัฐมนตรีได้เห็นความสำคัญ  จึงได้มีมติกำหนดให้วันที่  10  เมษายน  ของทุกปีเป็น วันยางพาราแห่งชาติ  เพื่อให้รำลึกถึงพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี