พฤกษศาสตร์ยางพารา
ในธรรมชาติมีพืชมากมายเป็นพันชนิดที่ให้น้ำยางได้ (rubber bearing plant) แต่น้ำยางที่ได้จากต้นยางแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป บางชนิดไม่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำยางได้เลย แต่ยางหลายชนิดก็ให้น้ำยางที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น
- ยางกัตตาเปอร์ซา ได้จากต้นกัตตา (Gutta tree) ใช้ทำสายไฟฟ้า และใช้เป็นวัสดุทันตกรรม
- ยางจากต้น Achas Sapota ในอเมริกากลาง คนพื้นเมืองเรียกว่า “ ชิเคิล “ (Chicle) มีผู้นำมาทำเป็นหมากฝรั่ง ที่เรียกว่า Chiclets
ต้นยางธรรมชาติที่มนุษย์นำน้ำยางมาใช้ประโยชน์มากที่สุด เป็นต้นยางที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ เป็นยางพันธ์ Hevea brasiliensis ซึ่งมีคุณภาพดีกว่ายางในตระกูล Hevea ด้วยกันมาก ยางธรรมชาติชนิดนี้เรียกชื่อทั่วไปว่า “ ยางพารา “ เนื่องจากในระยะแรกศูนย์กลางการซื้อขายยางชนิดนี้อยู่ที่เมืองท่าชื่อ “พารา“ (Para) บนฝั่งแม่น้ำอะเมซอน ประเทศบราซิล จึงเรียกยางชนิดนี้กันติดปากว่า “ยางพารา“
ต้นยางพารา (Hevea brasiliensis) เป็นต้นไม้ยืนต้น มีใบเลี้ยงคู่ สามารถมีอายุยืนยาวได้หลายร้อยปี เป็นพืชพื้นเมือง มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน ฝนตกชุก แถบลุ่มน้ำอเมซอน ในเขตพื้นที่อเมริกาใต้บริเวณประเทศบราซิล , เปรู ขึ้นไปถึงส่วนของอเมริกากลาง ต่อมาเมื่อมีความต้องการใช้ยางเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกยางพารา จนกระจายไปทั่วโลกโดยเฉพาะบริเวณรอบเส้นศูนย์สูตร (Green Belt) ทั้งในทวีปเอเชียและแอฟริกา ที่มีภูมิอากาศใกล้เคียงกับถิ่นกำเนิดเดิม
คุณสมบัติพิเศษของยางธรรมชาติที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์มากที่สุด คือ เรื่องความยืดหยุ่น (Elastic) กันน้ำได้ เป็นฉนวนกันไฟฟ้าได้ เก็บและพองลมได้ดี คุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้มนุษย์ยังใช้ยางธรรมชาติต่อไปอีกนาน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการผลิตยางเทียมได้แล้วก็ตาม แต่คุณสมบัติบางอย่างของยางเทียม ก็ยังสู้ยางธรรมชาติไม่ได้
สำหรับการปลูกยางพาราให้สมบูรณ์ เจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตที่สูงและสม่ำเสมอ พื้นที่ปลูกและสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยที่ส่งผลสำคัญมาก ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญเติบโต และ อัตราการให้ผลผลิต ได้แก่
- ระดับความสูงของพื้นที่ที่ปลูก โดยปกติยางพาราจะเจริญเติบโตได้ดีบนพื้นราบ แต่ถ้าปลูกบนพื้นที่สูง ไม่ควรปลูกบนพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล เกิน 600 เมตร
- อุณหภูมิ ระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส แต่ปัจจุบันมีการนำไปปลูกในพื้นที่ที่มีระดับอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ซึ่งมีผลให้ต้นยางพาราเจริญเติบโตช้ากว่า
- ความชื้นสัมพัทธ์ พื้นที่ที่มีความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 65 – 90 % เป็นระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสม
- ความลาดเอียงของพื้นที่ พื้นที่ที่เหมาะสมไม่ควรลาดเอียงเกิน 35 องศา ถ้าลาดเอียงเกิน 15 องศา ควรทำขั้นบันได
- สภาพดิน ควรมีหน้าดินที่ลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร เป็นดินที่มีลักษณะดินเหนียว ดินร่วนหรือดินร่วนปนเหนียว สภาพพื้นที่ควรมีการระบายน้ำและการถ่ายเทอากาศได้ดี นอกจากนี้ควรมีอินทรียวัตถุค่อนข้างสูง มีค่า pH ประมาณ 4.0 – 5.5
- ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ ควรเป็นพื้นที่ที่มีฝนตกสม่ำเสมอ โดยปกติควรมีปริมาณน้ำฝนไม่ต่ำกว่า 1,250 มิลลิเมตร / ปี และมีจำนวนวันฝนตก 120 – 150 วัน / ปี
- กระแสลม กระแสลมที่มีความเร็วเฉลี่ยมากกว่า 1.0 เมตร / วินาที จะส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง และการไหลของน้ำยาง